เมื่อวานนี้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย มีการประชุมหารือของบรรดากลุ่ม OPEC+ ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศผู้ผลิตน้ำมัน 23 ประเทศ โดยมีซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเป็นแกนนำ
ทั้งนี้หลังจากการประชุมเสร็จสิ้น เจ้าชายอับดุลอาซิซ บิน อับดุลอาซิซ อัล-เซาด์ (His Royal Highness Prince Abdulaziz bin Abdulaziz AL-Saud) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ได้ออกมาแถลงว่า ซาอุดีอาระเบียจะทำการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
โดยจะเริ่มตั้งแต่ 1 กรกฎาคมเป็นต้นไป และอาจขยายมาตรการปรับลดการผลิตออกไปได้อีกจนถึงปี 2024 หากจำเป็น
นอกจากนี้เจ้าชายอับดุลอาซิซ ยังย้ำว่า กลุ่ม OPEC+ จะทำทุกวิถีทางเพื่อนำเสถียรภาพมาสู่ตลาดแห่งนี้
ยูเครนมีอาวุธไม่เพียงพอ เปิดฉากรุกกลับรัสเซีย
จีนค้าน "ตั้งพันธมิตรแบบนาโต" ในเอเชีย-แปซิฟิก
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่กลุ่ม OPEC+ หารือเป็นเวลา 7 ชั่วโมง ก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงนโยบายการผลิตน้ำมัน โดยลดเป้าหมายการผลิตน้ำมันโดยรวมจากปี 2024 ลงอีกรวม 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นักวิเคราะห์ระบุว่า การตัดสินใจของกลุ่ม OPEC+ เมื่อวานนี้ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า พวกเขายินดีที่จะสนับสนุนการสร้างเสถียรภาพให้กับราคาน้ำมัน และพยายามขัดขวางนักเก็งกำไร
กลุ่ม OPEC+ มีกำลังการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 40% ของโลก ซึ่งหมายความว่าการตัดสินใจเชิงนโยบายอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคาน้ำมัน
ทั้งนี้นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ชาติตะวันตกต่างกล่าวหาว่า กลุ่มโอเปกควบคุมราคาน้ำมันและบ่อนทำลายเศรษฐกิจโลกด้วยค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่สูง นอกจากนี้ยังกล่าวหาว่ากลุ่มโอเปกเข้าข้างรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม กลุ่ม OPEC+ ได้ปรับลดการผลิตน้ำมันไปแล้ว 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งคิดเป็น 2% ของอุปสงค์ทั่วโลก ตามที่ตกลงกันเมื่อปีที่แล้ว
ขณะที่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียและประเทศผู้ผลิตน้ำมันประกาศว่า ทุกประเทศจะร่วมกันลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อสนับสนุนเสถียรภาพของตลาดน้ำมันโลกคำพูดจาก สล็อตวอเลท