เทศกาลแห่งการช้อปปิ้ง หรือ “Black Friday” ที่ผ่านมาเรื่องนี้จะดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวสำหรับชาวไทยอยู่มาก แต่เดี๋ยวนี้ด้วยความที่หาซื้ออะไรง่าย ทำได้ง่ายเพียงใช้ปลายนิ้วคลิก และแอปพลิเคชันต่างๆ ก็พากันโหมกระหน่ำจัดโปรโมชันลดราคากันในวันนี้ ทำให้เทศกาล Black Friday กลายเป็นส่วนหนึ่งของขาช้อปชาวไทยไปแล้ว
เปิดความเป็นมา "แมวโคราช" สู่ "กางเกงแมว" ซอฟต์พาวเวอร์ใหม่เมืองย่าโม
18 พฤศจิกายน วันเกิด "มิกกี้ เมาส์" ตัวการ์ตูนครองใจคนทั่วโลก
“Black Friday” มีจุดเริ่มต้นมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเริ่มตั้งแต่ช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และนับวันศุกร์หลังจากวันขอบคุณพระเจ้า (Thanksgiving Day)
ซึ่งจะตรงกับวันศุกร์ที่ 4 ของเดือนพฤศจิกายนในทุกๆ ปี เป็นวันจับจ่ายใช้สอย ที่ร้านค้าต่างๆ พากันลดราคากันแบบเต็มที่ โดยลดกันแบบ 50-90% และของบางอย่างก็ราคาถูกจนเหมือนแจกฟรี
โดยในปีนี้ “Black Friday” จะตรงกับวันที่ 24 พ.ย.2566 แต่ที่มาที่ไปของเทศกาลนี้เป็นอย่างไร และทำไมถึงโด่งดังไปไกลถึงทั่วโลกนั้น ทีมข่าวนิวมีเดียพีพีทีวีได้รวบรวมข้อมูลมาฝากกัน
ที่มาของเทศกาล Black Friday
สำหรับที่มาที่ไปของเทศกาล “Black Friday” นั้น มาจาก 2 เรื่องหลักๆ โดยเริ่มต้นจากชื่อ คือ ในความหมายแรก “Black Friday” แต่เดิมหมายถึง “วันร้ายในทางเศรษฐกิจ” ซึ่งตรงกับวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2412 วันที่นักการเงินชื่อ Jay Gould และนักธุรกิจด้านกิจการรถไฟ James Fisk ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น 2 นักการเงินหัวโจกในวอลล์สตรีท ได้รวมหัวกันกว้านซื้อทองคำ เพราะจงใจปั่นราคาทองคำในตลาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงกราวและพลเมืองสหรัฐฯตั้งแต่เจ้าสัวในตลาดหุ้นจนถึงชาวไร่ชาวนาล้มละลายกันไปทั้งประเทศ
ส่วนอีกเรื่องราวที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดเกี่ยวกับเทศกาล “Black Friday” คือ วันที่ผู้ค้าปลีกเรียกแทนจำนวนยอดขายของร้านค้าต่างๆ เปลี่ยนจากการเป็น “สีแดง” มาเป็น “สีดำ” โดยสีแดงหมายถึงยอดขายขาดทุนเป็นสีแดง ส่วนสีดำคือยอดที่ทำกำไรพลิกล็อคกลับมาเป็นตัวดำในบัญชีภายในวันเดียว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเรื่องเล่านี้จะเป็นที่รู้จัก แต่เรื่องนี้อาจไม่ถูกต้องนัก ดังนั้นเรื่องราวที่แท้จริงของ “Black Friday” คืออะไรกันแน่ เว็บไซต์ National Today เปิดเผยว่า เราต้องไปค้นหาคำตอบกันที่ฟิลาเดลเฟียคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ในเมืองฟิลาเดลเฟียในวัดถัดจากวันขอบคุณพระเจ้า ประชาชนต่างพากันออกมาช้อปปิ้งกันอย่างบ้าคลั่ง จนรถติดไปทั่ว ตำรวจจึงต้องมาดูแลความวุ่นวายในวันนี้ เลยมีคำเรียกเล่นๆ ว่าเป็น “วันศุกร์ที่มืดหม่น” สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ใช้ไปใช้มาจนกลายเป็นคำเรียกติดปากกันในที่สุด
แต่ความคิดที่ว่า “Black Friday” เป็นวันที่มืดหม่นนั้นไม่ได้ทำให้ผู้ค้าปลีกรายหนึ่งที่ชื่อว่า “Philly” รู้สึกไม่ดีตามไปได้ เขาจึงได้เปลี่ยนสิ่งลบให้กลายเป็นสิ่งดีๆ ด้วยการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ในปี 1980 ให้ วัน Black Friday มีความหมายว่าเป็นวันสำหรับการซื้อขายสินค้ารายใหญ่ระดับประเทศ
แม้จะไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของวันสำคัญนี้มาได้อย่างไรกันแน่ แต่ไม่ว่าอย่างไรนั้น “Black Friday” ถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการช้อปปิ้ง แม้การช้อปปิ้งจะช่วยให้เราหายเครียดได้จริงตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่เราแนะนำว่าก็ควรใช้จ่ายกันอย่างระมัดระวัง เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะมีปัญหาทางการเงินตามมาได้
ขอบคุรข้อมูลจาก : National Today
หุ้น AOT ดิ่ง 6.82% เซ่นนักท่องเที่ยวจีนมาช้ากว่าเป้า โบรกฯรุมหั่นคาดการณ์กำไร
สรุปให้! “แอนโทเนีย” รองอันดับหนึ่ง Miss Universe 2023 ทำกระแสโซเชียลร้อนแรง
ประวัติ "หลวงพ่อพัฒน์" วัดห้วยด้วน เกจิดังเมืองนครสวรรค์